บทที่ 5 5
“ไอ้ณพมาแล้ว โห เมียท้องโตมาเลยโว้ย กูยอมแล้ว พวกมึงแต่ละตัว รีบไปไหนวะ?” วายุภักษ์ที่นิสัยไม่ชอบผูกมัดหรือจริงจังกับใครเอ่ยออกมา ก่อนจะพยักหน้าทักทายเพื่อนอีกคนที่มาใหม่
คณากรยืนทักทายเพื่อน ๆ กับแขกคนอื่น ก่อนที่เจ้าสาวตัวน้อยจะเดินมาพร้อมกับคุณหญิงผกาแก้ว คณากรต้องแสร้งเป็นเจ้าบ่าวผู้แสนดีรีบไปรับเจ้าสาวที่สวมใส่ชุดสีขาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง พอเห็นมะลิวัลย์แต่งตัวแบบนี้ ยอมรับว่าเด็กสาวดูโตขึ้นมาไม่น้อย
ตลอดพิธีการต่าง ๆ ผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทำเอาชายหนุ่มเริ่มทำหน้าเซ็งออกมา ดีที่งานในวันนี้จัดแค่ตอนเย็น ตอนเช้าคือไม่มีอะไรมากมาย นอกจากคุณหญิงผกาแก้วรวบรัดเขาให้นายอำเภอมาจดทะเบียนสมรสถึงที่บ้าน และก็นะ เขาหรือจะขัดได้ ไหนจะคำขู่เรื่องมรดก เขามันก็เป็นผู้ชายที่ไม่ได้ใจดี ยอมยกสมบัติทั้งหมดให้กับคนอื่นและมูลนิธิอะไรเสียหน่อย อยากจดก็จดก็แค่นั้น ค่อยหย่าวันหลังก็ได้ ไม่เห็นเสียหายอะไร
ช่วงเวลาน่าอึดอัดในที่สุดก็มาถึง หลังจากที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายมาอวยพรคู่บ่าวสาวเสร็จก็ออกไป เหลือไว้เพียงคู่สามีภรรยาใหม่ที่นั่งทำตัวไม่ถูกอยู่กลางห้อง มะลิวัลย์หายใจเข้าออกแทบไม่เป็นจังหวะ นี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอมาอยู่ในห้องกับผู้ชายสองต่อสองแบบนี้
“นั่งโง่อะไรอยู่ ไปอาบน้ำสิ ใส่ชุดอะไรก็ไม่รู้ ยาวเป็นหางว่าว ชุดแต่งงานมีเรียบ ๆ กว่านี้ก็มีไม่ใช่รึไง คิดว่าสวยตายล่ะ” ไม่รู้ทำไมชายหนุ่มถึงอดไม่ได้ที่จะพูดจาหาเรื่องคนตัวเล็ก เขาเห็นใบหน้าสวยที่เอาแต่นั่งเรียบนิ่ง ไม่พูดไม่จา ไม่แสดงท่าทางออกมาก็ยิ่งหงุดหงิด
มะลิวัลย์ไม่ได้ตอบโต้อะไรออกมา เธอค่อย ๆ ลุกขึ้น เพราะในตอนนี้ขาของหญิงสาวมันชาจนปวดไปหมด ถึงได้ยังคงนั่งอยู่ไม่ลุกไปไหน เธอกัดฟันข่มความรู้สึกเอาไว้ แต่ทว่าพอเห็นท่าทางเงียบสงบของคนตัวเล็ก คณากรก็นึกอยากจะแกล้งเธอขึ้นมาอีก
“ชักช้า น่าเบื่อ!”
“โอ๊ยยย เจ็บนะคะ” ทันทีที่ชายหนุ่มกระชากเรียวแขนของเล็ก เสียงร้องของมะลิวัลย์ก็ดังขึ้นมา ทำเอาคนที่เงี่ยหูฟังอมยิ้มขึ้นมาทันที
“ไม่ต้องห่วงนะยายแวว ฉันเชื่อว่าลูกชายฉันกับหลานยายต้องมีความสุขแน่ ๆ เราสองคนก็รอเลี้ยงหลานกันเถอะ”
“เอ่อ คุณหญิงจ๊ะ มะลิมันยังเด็กอยู่เลยนะ จะให้มีลูกแล้วเหรอ?”
“โธ่ยายแวว พูดขัดใจจัง เถอะน่า มีตอนนี้ก็ดี หรือมีตอนเรียนจบก็ดี เราไปพักผ่อนกันเถอะ ปล่อยให้คู่สามีภรรยาเขามีความสุขกันดีกว่า”
ใบหน้าสวยของมะลิวัลย์เผยออกมาอย่างเจ็บปวด ขาเธอชาปวดไปหมด เมื่อโดนชายหนุ่มจะกระชากมาแบบนี้ คณากรหรี่ตามอง ก่อนจะทำหน้าสงสัย เขาแค่จับแค่นี้ร้องเหมือนโดนเชือดไปได้
“อย่ามาสำออย!”
“หนูเจ็บขา คุณกรปล่อยก่อนสิคะ” มะลิวัลย์ร้องบอกออกไป คำเรียกแทนตัวเองทำให้ชายหนุ่มไม่คุ้นชินเอาเสียเลย แต่ก็ยอมปล่อยแขนของคนตัวเล็กอย่างที่เธอบอก
มะลิวัลย์ก้มลงไปบีบนวดเรียวขาสวยอย่างไม่สนใจอีกฝ่ายที่มองอยู่ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห คนอะไรปากร้าย แถมชอบรังแกคนอื่นนัก ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดกันที่เอาชีวิตมาฝากไว้กับผู้ชายคนนี้
“แค่นี้ไม่เห็นตายสักหน่อย” เขาบอก ก่อนจะเดินหายไปในห้องน้ำ ทำเอาคนที่โดนต่อว่าเม้มริมฝีปากเข้าหากันทันที มะลิวัลย์พยายามไม่เก็บเอาคำพูดของคณากรมาคิด แต่ทว่ามันก็ไม่ง่ายเลยที่จะไม่รู้สึกอะไร เธอต้องทนสินะ ทนไปก่อน เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้นเอง
หลังจากที่ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดนอนสีเข้ม มะลิวัลย์ก็รีบเดินเข้าไปอาบน้ำทันที ด้วยชุดที่ยาวเป็นหางว่าวอย่างที่ชายหนุ่มว่า ทำเอาคนตัวเล็กถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้ากว่าจะถอดเสร็จ หญิงสาวหยิบชุดบ้าน ๆ ที่มักชอบใส่นอนขึ้นมาใส่ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องแต่งตัว
“นี่ชุดบ้าอะไร?” เขาเอ่ยถามพร้อมสำรวจชุดที่เด็กสาวใส่ คำพูดของคณากร ทำให้มะลิวัลย์มองตามชุดตัวเอง เธอไม่เห็นว่ามันจะแปลกตรงไหน กางเกงขาสั้น เสื้อคอกลมตัวเก่า ๆ ก็แค่นั้น
“ไม่มีเสื้อผ้าจะใส่แล้วรึไง?”
“ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนิคะ” เธอตอบ
“โคตรแย่เลยต่างหาก เสื้อผุไปถึงไหนแล้วมะลิวัลย์ ควรเอาไปทิ้งได้แล้วนะ” เขาบอก เป็นถึงสะใภ้ของโขมศิริกุล แต่ดูจากการแต่งตัวของหญิงสาว ทำให้เขาไม่อยากจะพาไปไหนด้วยจริง ๆ ถึงแม้ไม่ได้อยากจะแต่งงานกับเธอ แต่ในเมื่อแต่งแล้ว แถมใครต่อใครก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรกับเขา ถ้าขืนเด็กคนนี้ยังแต่งตัวแบบนี้ เขารับไม่ได้แน่นอน
“หนูไม่ทิ้ง นี่เป็นเสื้อที่ยายซื้อให้ อีกอย่างหนูไม่ได้ใส่ไปไหน ไม่เห็นต้องทำหน้าดูถูกขนาดนั้นเลย หรือว่าคุณกลัวว่าเสื้อตัวเก่า ๆ ตัวนี้จะทำให้เตียงคุณเปื้อนคะ?” เธอไม่คิดว่าคณากรจะเป็นคนดูถูกคนมากขนาดนี้
